หลักการอ่านออกเสียง
หลักการอ่านออกเสียง
หลักการอ่านออกเสียงเป็นการอ่านให้ผู้อื่นฟัง หากผู้อ่านออกเสียงชัดเจน ย่อมช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ
ผู้ฟังสามารถรับสารได้อย่างสมบูรณ์ จึงควรฝึกให้ชำนาญ เพื่อให้สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
คำไทยส่วนมากเราออกเสียงกันได้ถูกต้อง คำที่มีปัญหาในการออกเสียงมักเป็นคำที่มาจากภาษาอื่น ฉะนั้นการ
อ่านออกเสียงจึงควรต้องคำนึง
2. อ่านประเด็นสำคัญ ในการอ่านถ้าผู้ฟังมีต้นฉบับตามที่เราอ่านอยู่ในมือ ผู้อ่านอาจอ่านได้ในอัตราที่ค่อนข้างเร็ว
อาจข้ามข้อความบางตอนไปได้ ต้องบอกให้ผู้ฟังรู้ว่าจะข้ามตอนไหน และจะเริ่มอ่านต่อตรงไหน
3. คำที่ออกเสียงยาก ผู้อ่านควรฝึกอ่านไว้ล่วงหน้า เช่น คำสฤษฎ์ อ่าน สะ-หริด ชุกชี อ่าน ชุก-กะ-ชี
4. อ่านข้อเขียน ถ้าอ่านจากข้อเขียนที่เป็นลายมือของตนเองควรเขียนต้นฉบับให้อ่านง่าย ตัวอักษรให้มีขนาดใหญ่พอ
อย่าให้มีขูด ขีด ฆ่า หรือโยงกลับไปกลับมาจนทำให้สับสนในขณะที่อ่าน การอ่านให้ผู้อื่นฟังนั้นจะต้องอ่านให้ต่อเนื่องกันไปโดยตลอด
จะหยุดครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ได้
5. การรู้ความหมายของคำ จะทำให้อ่านคำได้ถูกต้อง เช่น อรหันต์ อ่านออกเสียง ออ-ระ-หัน หมายถึง สัตว์ในนิยาย
มีสองเท้ามีปีก หัวเหมือนคนผู้วิเศษ อรหันต์ อ่านออกเสียง อะ-ระ-หัน หมายถึง ผู้สำเร็จธรรมพิเศษสูงสุดในพระพุทธศาสนา
กรี อ่านออกเสียง กะ-รี หมายถึง ช้าง อ่านออกเสียง กรี หมายถึง กระดูกแหลมที่หัวกุ้ง
6. การอ่านบทร้อยกรอง ต้องคำนึงถึงฉันทลักษณ์ของคำประพันธ์ และต้องอ่านเพื่อเอื้อสัมผัสด้วยจึงจะมีความไพเราะ
เช่น สินสมุทรสุดคิดถึงบิตุเรศ คำที่ขีดเส้นใต้ควรอ่าน บิด-ตุ-เรด เพื่อให้เอื้อสัมผัสกับคำว่าผิด
7. การเว้นวรรค การอ่านเว้นวรรคได้ถูกต้องจะทำให้สื่อความหมายได้ถูกต้องตามความประสงค์ เช่น
ฉันไม่รู้ / จะตอบ / แทนเธอ / อย่างไรดี ฉันไม่รู้ / จะตอบแทน / เธอ / อย่างไรดี (เป็นการแบ่งวรรคได้ถูกต้องสามารถสื่อ
ความหมายได้ถูกต้องตามความประสงค์)
8. อ่านจากสิ่งพิมพ์ จะต้องตรวจทานดูให้ดีว่า การพิมพ์เว้นวรรคตอนไว้ถูกต้องเพียงไร
9. ต้องทรงตัวและใช้กิริยาอาการ ให้ถูกวิธี
10. ใช้เสียงให้มีประสิทธิภาพ การฝึกทักษะในการใช้เสียงให้มีประสิทธิภาพควรคำนึงถึง
- อัตราเร็วในการเปล่งเสียง
- ความดังในการเปล่งเสียง
- ระดับความสูงต่ำของเสียง
- คุณภาพของเสียง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของตนโดยเฉพาะ
11. อ่านให้ผู้ฟังได้รับสารจากบทที่อ่านนั้นครบถ้วน ทั้งสารที่สำคัญที่สุดและสารที่สำคัญรอง ๆ ลงไป
12. อ่านให้ผู้ฟังสนใจฟัง อยู่ตลอดเวลา
การอ่านในใจโดยบอกสาระที่ให้ความรู้ได้
การอ่านในใจเป็นการอ่านเพื่อเก็บความรู้และอ่านเอาเรื่อง ซึ่งนับเป็นสิ่งสำคัญมากในการเรียนภาษาไทย
และเป็นพื้นฐานในการศึกษาหาความรู้โดยทั่วไป ดังนั้นจึงควรฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เกิดทักษะและสามารถนำ
ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การจับใจความสำคัญจากเรื่องที่อ่านเป็นการช่วยสรุปสาระสำคัญของเรื่อง ทำให้เข้าใจเรื่องได้ครบถ้วน
ตรงตามที่ผู้เขียนต้องการอย่างรวดเร็ว การฝึกทักษะอ่านเพื่อจับใจความ ผู้อ่านจะต้องเข้าใจความหมายของคำ
และสำนวนในเรื่อง สามารถลำดับเหตุการณ์และลำดับความคิด แยกได้ว่าใจความใดเป็นใจความสำคัญและใจความใด
เป็นใจความรอง การอ่านจับใจความสำคัญเป็นทักษะการใช้ภาษาซึ่งจำเป็นต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดความ
ชำนาญสามารถอ่านจับใจความสำคัญรองได้รวดเร็วเพื่อให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลักการจับใจความสำคัญ มีดังนี้
1. ถ้าเป็นเรื่องขนาดสั้น ต้องอ่านให้ตลอดเรื่องแล้วจึงสรุป แต่ถ้าเป็นเรื่องขนาดยาวควรอ่านทีละบท
ทีละตอน
2. เรื่องที่อ่านควรจับใจความให้ได้ว่าในเรื่องต้องการบอกความรู้ ความคิดเห็น การแสดงอารมณ์
ความรู้สึกของผู้เขียนอย่างไร พยายามค้นหาเรื่องที่เป็นหลักใหญ่ให้ได้ แล้วจึงพิจารณาประเด็นปลีกย่อย
3. การจับใจความเรื่องที่ไม่มีตัวบุคคล ควรพิจารณาว่าเรื่องอะไร บอกสั่งแนะนำอะไร เพื่ออะไร
แต่ถ้าเป็นเรื่องที่มีตัวบุคคล ควรจับใจความให้ได้ว่าเพื่ออะไร ใครทำอะไร ทำกับใคร ที่ไหน เมื่อไร ผลเป็นอย่างไร
4. ควรฝึกจับใจความสำคัญของเรื่องสั้น ๆ ก่อนแล้วจึงจับใจความสำคัญของหนังสือขนาดยาวได้ และควรฝึก
จับใจความสำคัญในข้อเขียนทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง
5. เมื่อจับใจความได้แล้ว ควรใช้ถ้อยคำและข้อความที่สรุปย่อ รวบรัดตรงประเด็น โดยพูดและเขียนเป็น
ภาษาของตนเอง
ข้อควรคำนึงในการใช้วิจารณญาณ มีดังนี้
1. เรื่องที่ฟังหรืออ่านมีลักษณะอย่างไร
2. ผู้พูด ผู้เขียนต้องการอย่างไร
3. แหล่งข่าวน่าเชื่อถือเพียงใด
4. ถ้าเป็นคำสั่ง คำแนะนำของบุคคลต้องดูว่า ผู้พูดมีลักษณะท่าทาง น้ำเสียงเป็นอย่างไร น่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด
5. เรื่องที่ฟังหรืออ่านเป็นเรื่องที่เคยพบเห็นตัวอย่างมาแล้วหรือไม่จะเกิดโทษและประโยชน์ต่อเรามากน้อยเพียงใด
การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ คือการรู้จักใคร่ครวญ พิจารณาเรื่องที่อ่านอย่างละเอียดลึกซึ้งในด้านต่าง ๆ เป็นการอ่าน
ที่ต้องอาศัยความสามารถในการคิดพิจารณาหาเหตุผลมาประกอบ ซึ่งนับว่าเป็นทักษะด้านการอ่านขั้นสูง จึงควรฝึกให้เป็นนิสัย
เพื่อให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น